
รักษาสิว ด้วยวิธีทางกายภาพ กดสิว ฉายแสง ช่วยรักษาสิว ได้จริงหรือ? นอกจากการรักษา สิว ด้วยวิธีการ ทายารักษาสิว หรือ เวชสำอางรักษาสิว และ รับประทานยา แล้ว ก็มีวิธีอื่นๆ ที่ช่วยให้ สิว หายเร็วขึ้นด้วยค่ะ ก็คือวิธีทางกายภาพ หรือ เรียกให้ดูหรูหราหน่อย ก็คือ ทรีทเมนต์รักษาสิว ต่างๆ ค่ะ
ทรีทเมนต์รักษาสิว ที่ใช้กันมีอะไรบ้าง มาทำความรู้จักกันค่ะ
1. การรักษา สิว ด้วย การใช้ความเย็น (liquid nitrogen) แพทย์จะในการรักษา สิวอักเสบ ที่เป็นซีสต์ เพื่อช่วยลดการอักเสบ และความเย็นจะทำให้ผนังของซีสต์ถูกทำลายไป
2. การรักษา สิว ด้วย การกดสิว (comedone extraction) วิธีการกดสิว ใช้ รักษาสิว ที่ไม่อักเสบทั้งชนิดหัวดำและหัวขาว ในรายที่รูเปิดของ สิว เล็กมากอาจจำเป็นต้องขยายรูเปิด ซึ่งมีทั้งการใช้เข็มสะอาด หรือ การใช้เลเซอร์เจาะรู เพื่อช่วยให้การ กดสิว เป็นไปได้ง่ายขึ้น จากนั้นจึงกดเอาหัว สิว ออกค่ะ
ในขั้นตอนการกดเอาหัว สิว ออก ก็มีทั้งใช้แท่งเหล็กที่มีรูตรงกลางกดออก ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดรอยครูดที่ผิว เป็นแผลถลอกได้ง่ายค่ะ
ที่ศูนย์บริการ Derminet Center เราจะไม่ใช้แท่งเหล็กในการกดสิวค่ะ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดรอยแผลถลอกที่ผิวค่ะ
ดังนั้น การกดสิว ต้องทำให้ถูกหลักวิธี และ สะอาด มิฉะนั้นจะทำให้หัวสิวที่อุดตันอยู่หลุดลงไปในชั้นหนังแท้ และทำให้เกิดการอักเสบมากกว่าเดิม และ อาจทำให้เกิดรอยแผลถลอกที่ผิวได้ด้วยค่ะ อย่างไรก็ตามหลังการ กดสิว ผิวจะบวมแดงได้เป็นปกตินะคะ สักพักก็จะหายค่ะ แต่ใครที่ผิวบอบบางหน่อย อาจมีรอยแดงๆ ทิ้งไว้นานกว่าปกติค่ะ
3. การรักษา สิว ด้วย การฉีดยาที่หัวสิว แพทย์จะใช้ยาลดการอักเสบ ฉีดเข้าที่ถุงสิว จะทำให้การอักเสบของสิวลดลงอย่างรวดเร็วค่ะ
4. การรักษา สิว ด้วย การลอกผิวหนังด้วยสารเคมี (chemical peels)
เป็นเทคนิคที่นำมารักษาโรคสิวและรอยแผลเป็นสิวที่ใช้กันมาก วิธีนี้จะช่วยลอกสิวหัวดำและเม็ดสิวอักเสบ ช่วยลดรอยด่างดำที่เกิดจากการเป็นสิว ช่วยให้หลุมแผลเป็นชนิดตื้นตื้นขึ้นได้ แต่หากมีสิวอักเสบมาก ควรระวังการใช้วิธีลอกผิวนะคะ เพราะอาจระคายเคือง แสบแดง จากสารเคมีที่ใช้ได้ค่ะ
นอกจากนี้การลอกผิวด้วยสารเคมี ทำให้ผิวไวต่อแสง อาจเกิดรอยกระดำกระด่างซึ่งแก้ไขได้ยาก และใช้เวลานานกว่าผิวจะกลับมามีสีสม่ำเสมอ หลังลอกจึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดหรือใช้ยากันแดดที่มีค่า SPF อย่างต่ำ 15 ค่ะ 5. การรักษา สิว ด้วย การฉายแสง (laser and light treatments) ปัจจุบันมีเลเซอร์ และ แสงหลายชนิดที่นำมาใช้ รักษาสิว ค่ะ ส่วนใหญ่แล้วการรักษาด้วยวิธีนี้จะแก้ไขเพียงสาเหตุเดียวของพยาธิกำเนิด คือ ที่ตัวเชื้อ P. acnes เท่านั้น. ข้อดีของวิธีนี้คือ ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องทายา หรือ กินยา และก็เหมาะสำหรับ สิว บางตำแหน่งที่ทายาเองลำบาก เช่น ที่หลัง. แต่ข้อเสียคือ เทคนิคนี้มีค่าใช้จ่ายราคาแพงค่ะ
การฉายแสง และ ใช้เลเซอร์ รักษาสิว ที่มีการศึกษาและเริ่มใช้ รักษาสิว ในขณะนี้ คือ
![]() 1. การฉายแสงสีน้ำเงิน (Blue Light Therapy) องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาอนุมัติให้ใช้แสงสีน้ำเงินใน การรักษาสิว ซึ่งแสงช่วงคลื่นเฉพาะนี้จะฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิด สิว เนื่องจากแสงสีน้ำเงินที่ฉายออกมาไม่มีส่วนผสมของรังสียูวีจึงไม่ทำให้ผิวหนังได้รับอันตราย.
การรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะ กับผู้ที่เป็นสิวอักเสบธรรมดา แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบมากชนิดเป็นถุงซิสต์ที่เรียกว่าสิวหัวช้างก็อาจใช้ไม่ได้ผลดีนักคะ ควรรับประทานยาร่วมด้วย การรักษา มักต้องทำต่อเนื่อง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ในเวลา 4 สัปดาห์
ผลข้างเคียงที่พบมักไม่รุนแรง ได้แก่ ผิวเปลี่ยนสีชั่วคราว บริเวณที่รักษาบวมเล็กน้อย และผิวแห้ง
2. การฉายพลังงานแสง และ ความร้อน (Light and Heat Energy, LHE) เชื่อว่าการใช้พลังงานแสงและ ความร้อนจะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และ ลดการทำงานของต่อมไขมัน โดยทำให้ต่อมไขมันหดตัวลง. ปัจจุบันองค์การอาหารและยาสหรัฐอนุมัติให้ใช้แสงสีเขียวร่วมกับความร้อน รักษาสิวที่เป็นน้อยถึงปานกลาง
นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่นๆ เช่น การทา ALA ร่วมกับ การฉายแสง, การใช้เทคนิค ELOSคือ ใช้พลังงานแสง (Intense Pulse Light, IPL) ร่วมกับคลื่นวิทยุ (radiofrequency, RF) , การใช้ไดโอดเลเซอร์ (Diode laser) , การใช้เพาส์ดายเลเซอร์ (pulsed dye laser)เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การใช้ การฉายแสงรักษาสิว และ เลเซอร์รักษาสิว นั้นยังไม่จัดว่าเป็นการรักษาสิวในลำดับแรก เพราะยังมีค่าใช้จ่ายสูงค่ะ
หากใครสนใจ โปรแกรมฉายแสงรักษาสิว ศูนย์บริการ Derminet Center ให้บริการในราคาเบาๆ เพียงครั้งละ 999 บาท เท่านั้นค่ะ
(( คลิ๊กที่รูปเพือปรึกษา ปัญหาสิว กับหมออรไลน์ ))
|
รอบรู้เรื่องผิว
![]() ![]() ![]() |